12 ภาพปรากฏการณ์ธรรมชาติหายากที่เกิดขึ้นทั่วโลก

ธรรมชาติเต็มไปด้วยความประหลาด มอบประสบการณ์ใหม่ให้เราสัมผัสได้ไม่ว่างเว้น ซึ่งบางปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นก็มีคำอธิบายให้หายสงสัย แต่บางอย่างก็ยังคงอยู่ในห้วงคำถาม และหาชมได้ไม่บ่อยนัก นานทีปีหนถึงจะเกิดขึ้นสักครั้ง อย่างเช่น 12 ปรากฏการณ์ในที่นี้คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นบนโลก แต่มนุษย์ก็ยังไม่สามารถหาคำอธิบายได้ หรือบางอันอาจจะอธิบายได้ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปชัดเจนเช่นกัน

#1 แสงแห่งเซนต์เอลโม่

ในยามที่เกิดพายุในท้องทะเล นักเดินเรือมักเห็นแสงไฟลึกลับปรากฏอยู่บนเสากระโดงเรือหรือบนท้องฟ้า ซึ่งในสมัยยุคกลาง พวกเขาเชื่อกันว่านี่คือไฟของนักบุญเอลโม่ ที่ปรากฎขึ้นมาเพื่อเตือนพวกเขา แต่ในทางวิทยาศาสตร์แล้ว มีคำอธิบายว่าแสงเหล่านั้นคือกระแสไฟฟ้าสถิตที่ไหลลงสู่ที่ต่ำ ซึ่งจะไปเกาะอยู่ตามเสากระโดงเรือ และจะเกิดขึ้นบ่อยในวันที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง

#2 ภูเขาไฟในทวีปแอนตาร์กติกา

รู้หรือไม่ว่าในทวีปแอนตาร์กติก้านั้น แม้จะเป็นดินแดนที่หนาวเหน็บที่สุดในโลก แต่กลับเต็มไปด้วยภูเขาไฟมากมาย โดยเฉพาะภูเขาไฟที่ใหญ่อย่าง เอเรบัส ที่ยังมีพลังอยู่จนถึงทุกวันนี้ แม้จะมันจะไม่ระเบิดตูมตามเหมือนภูเขาไฟอื่น แต่เราสามารถเห็นความร้อนที่แผ่พุ่งออกมา จนก่อให้เกิดเสาไอน้ำในภาพด้านบน

#3 เสาลำแสง

มองดูเผินๆ แล้วอาจเหมือนการส่งสัญญาณอะไรซักอย่างขึ้นไปในอวกาศ แต่ความจริงแล้วเสาลำแสงเหล่านี้เกิดจากการสะท้อนแสงของผลึกน้ำแข็งในอากาศ ซึ่งอาจมีแหล่งกำเนิดแสงมาจากดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ หรือแสงจากในเมือง จนกลายเป็นปรากฏการณ์อันน่าตื่นตาเหล่านี้

#4 สปาเก็ตตี้น้ำแข็ง

เรื่องราวสุดประหลาดนี้เกิดขึ้นในเมือง Hameenlinna ประเทศฟินแลนด์ เมื่อชายคนหนึ่งได้พบกับหิมะที่หน้าตาเหมือนกับเส้นสปาเก็ตตี้ในทะเลสาบที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับบ้านของเขา และเจ้าหิมะเหล่านั้น ยังเอามาปั้นเป็นลูกบอลได้ด้วย นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า หิมะเส้นเหล่านี้เกิดจากแรงลมและกระแสน้ำ ที่พัดใส่หิมะที่กำลังจะละลาย จนมันกลายสภาพเป็นเส้นๆ อย่างที่เห็น

#5 ป่าแห่งการเต้นระบำ

เชื่อว่าหลายคนคงเคยเห็นป่าเต้นระบำจากประเทศรัสเซียแห่งนี้มาก่อน จนถึงทุกวันนี้ นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่สามารถหาคำอธิบายที่ชัดเจนว่าทำไมต้นไม้จึงมีสภาพเช่นนี้ได้ บางคนบอกว่าอาจเกิดจากกาฝากหรือสิ่งมีชีวิตบางอย่าง บางคนก็บอกว่ามันอาจเกิดจากลมทะเล และบางคนบอกว่ามันอาจเกิดจากวิญญาณร้ายที่สิงสถิตอยู่บริเวณป่านี้ก็เป็นได้

#6 เงาปิศาจแห่งบร็อคเคิน

หลายครั้งที่เมื่อนักปีนเขาขึ้นสู่จุดสูงสุดของยอดเขา ทันใดนั้นเองพวกเขาสังเกตุเห็นเงาคนยักษ์ปรากฏอยู่ในหมอก จนกลายเป็นตำนานเงาปิศาจที่หลายคนต้องหวาดผวา แต่ความจริงแล้ว ปรากฏการณ์แบบนี้มีชื่อเรียกว่า รุ้งหมอก ซึ่งเงาดังกล่าวก็คือเงาของนักปีนเขาเองที่สะท้อนเข้าไปในหมอกจนเกิดเป็นภาพน่าตกใจขึ้นมา ซึ่งเหตุการณ์นี้มักเกิดขึ้นบ่อยที่ภูเขาบร็อคเคินในประเทศเยอรมันนี

#7 หุบเขาวิหกร่วงหล่น

ในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ประหลาดอย่างหนึ่งขึ้นในหุบเขาจาทิงก้า ในประเทศอินเดีย เมื่อนกจำนวนมากบินผ่านหุบเขานี้ทีไร มันชอบบินต่ำเป็นพิเศษ และหลายตัวอยู่ดีๆ ก็หมดสติตกลงพื้นซะอย่างนั้น จนได้รับการขนานนามว่า หุบเขานกฆ่าตัวตาย ส่วนสาเหตุ มีการคาดเดากันว่าเกิดจากความผันผวนของสนามแม่เหล็กโลก จนทำให้นกเหล่านี้เกิดอาการแปลกๆ เวลาบินผ่านหุบเขาจาทิงก้าแห่งนี้

#8 นิ้วน้ำแข็งแห่งความตาย

ปรากฏการณ์นี้เกิดจากอุณหภูมิที่แตกต่างกันในมหาสมุทรอาร์ตติกจนเกิดเป็นเหมือนนิ้วน้ำแข็งที่ค่อยๆ ยื่นลงมาแตะพื้น และคร่าทุกชีวิตที่มันสัมผัส ซึ่งปรากฏการณ์นี้มีการตั้งสมมุติฐานการมีอยู่ตั้งแต่ช่วงปี 1974 แต่เพิ่งจะมีการพิสูจน์ได้เมื่อปี 2011 นี้เอง หลังจากสำนักข่าว BBC สามารถเก็บภาพได้โดยบังเอิญ

#9 ก้อนน้ำแข็งทรงกลม

ในปี 2016 ชาวรัสเซียฮือฮา หลังพบก้อนหิมะขนาดใหญ่ รูปร่างสวยงาม กว่าพันลูกเกลื่อนชายหาดในแถบไซบีเรีย โดยนักวิจัยเผยว่ามันเป็นปรากฏการณ์ที่หาได้ยากเกิดจากแผ่นน้ำแข็งบางๆ ที่ผิวน้ำจะเกิดขึ้นก่อน หลังจากนั้นด้วยอิทธิพลของแรงลม และอุณหภูมิจะนำไปสู่การก่อตัวของก้อนน้ำแข็ง

#10 ปรากฏการณ์โวลเคนิก ไลทนิ่ง

เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ อันมหัศจรรย์ ที่เกิดขึ้นระหว่างการเกิดภูเขาไฟระเบิด เมื่อเศษเถ้า เศษหิน และอนุภาคน้ำแข็งในภูเขาไฟพุ่งชนกัน ทำให้มีประจุไฟฟ้าสถิตมากพอที่จะทำให้เกิดฟ้าผ่าเป็นความงามสุดอัศจรรย์

#11 ดวงตาแห่งซาฮาร่า

ดวงตาแห่งซาฮาร่า เป็นปรากฏการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นบนผืนทรายในทะเลทรายซาฮาร่า โดยมันมีเส้นผ่าศูนย์กลางที่กว้างใหญ่ถึง 40 กิโลเมตร ซึ่งครั้งแรกที่ถูกค้นพบ นักวิทยาศาสตร์คิดว่ามันเกิดจากชนของอุกาบาตขนาดใหญ่ หลังจากการศึกษาปรากฏการณ์ประหลาดนี้มานาน นักธรณีวิทยาหลายคนได้สรุปว่ามันน่าจะเกิดจากการกัดเซาะแนวหินตามธรรมชาติมานานหลายร้อยล้านปี

#12 รอยแยกดำ

เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในอุทยานแห่งชาติแคนยอนแลนด์ ว่ากันว่าถนน White Rim Trail ซึ่งเป็นที่ตั้งของรอยแยกแห่งนี้ เคยเป็นส้นทางที่ถูกใช้โดยกลุ่มคาวบอยและคนเหมือง จนกระทั่งในปี 1918 มันจึงกลายเป็นเส้นทางของกลุ่มพ่อค้าและกองคาราวาน และในทศวรรษที่ 1950 รอยแยกดังกล่าวก็ถูกทำให้กว้างขึ้นไปอีกโดยกลุ่มคนเหมือง

เครดิต brightside.me